เมื่อโซเชียลมีเดีย: กลายเป็น “องค์กรทางการเมือง”


เคยมั้ยครับ เวลาที่เราเลื่อนฟีดโซเชียลมีเดีย เห็นเพื่อนโพสต์อาหาร แชร์คลิปตลก หรือกด “wow” ให้ภาพท่องเที่ยว… มันดูเหมือนพื้นที่เล่น ๆ ไร้พิษภัย แต่ความจริงแล้ว โซเชียลมีเดียมีอำนาจมากกว่านั้น—ถึงขั้นสามารถเขย่าเกมการเมืองระดับโลกได้

Twitter เคยทำให้เกิดความผิดพลาดทางการทูต
Facebook ถูกกล่าวหาว่าปลุกปั่นความรุนแรง
YouTube เปิดโปงเรื่องฉาวที่สะเทือนทั้งสังคม

เบื้องหลังโพสต์หนึ่งหรือวิดีโอเดียว ไม่ใช่แค่โค้ด แต่คือ “คนจริง ๆ” ที่เป็นผู้ตัดสินใจว่า อะไรควรถูกเผยแพร่ และอะไรต้องหายไป


มากกว่าอัลกอริธึม

หลายคนเชื่อว่า “อัลกอริธึม” คือพระเอกที่เลือกว่าจะให้เราเห็นอะไร แต่จริง ๆ แล้ว มันถูกออกแบบและควบคุมโดย “คน” — ไม่ว่าจะเป็นทีมคอนเทนต์ ฝ่ายนโยบาย หรือผู้บริหาร ที่ต่างมีวัฒนธรรมองค์กร การเมืองภายใน และแรงกดดันจากธุรกิจ

เพราะ engagement = เงิน
โพสต์ที่แรง ยั่วยุ กดดันอารมณ์ จึงมักถูกดันขึ้นมา เพราะมันสร้างยอดโฆษณาได้

ตัวอย่างชัด ๆ คือปี 2018 ที่ Facebook ปรับ News Feed ให้เน้นโพสต์จากเพื่อนและครอบครัว ผลที่ตามมาไม่ใช่ทุกคนได้ประโยชน์ บางส่วนกลับเปิดช่องให้ ข่าวลวง (misinformation) วิ่งได้เร็วขึ้นในกลุ่มปิด ๆ แบบ echo chamber ที่แทบไม่มีใครตรวจสอบ


คนคือจุดเปลี่ยน ไม่ใช่โค้ด!

ในสายวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มักมีการพูดถึงอัลกอริธึม กฎเกณฑ์ และเทคโนโลยี แต่สิ่งที่งานวิจัยใหม่ ๆ เริ่มชี้ให้เห็นคือ โซเชียลมีเดียคือ “องค์กรทางการเมือง”

เพราะเบื้องหลังปุ่ม “ลบโพสต์” หรือ “ปักป้ายข่าวปลอม” มันคือคนที่ตัดสินใจ ซึ่งการตัดสินใจเหล่านี้ส่งผลต่อทั้งสังคม การเมือง และแม้กระทั่งนโยบายระดับโลก


สรุป

  • โซเชียลมีเดียไม่ใช่กลาง ๆ มันคือสนามการเมืองที่เต็มไปด้วยผู้เล่น
  • อัลกอริธึมไม่บริสุทธิ์ เพราะมันสะท้อนผลประโยชน์และค่านิยมขององค์กร
  • นักวิชาการและนักธุรกิจ ต้องมองให้ลึกกว่าตัวโค้ด ไปถึง “คน” ที่อยู่เบื้องหลังระบบ

ฝากให้คิด

  • ถ้า Facebook เลือกดันโพสต์เพื่อนขึ้นมาก่อนข่าว แล้วเพื่อนเราแชร์ “ข่าวปลอม” ผลการเมืองจะถูกวัดอย่างไร?
  • ถ้ามีคนเพียงหนึ่งเดียวในทีมกดปุ่มลบบทความเกี่ยวกับ “ข้อผิดพลาดในการเลือกตั้ง” ความเป็นกลางของแพลตฟอร์มยังเหลืออยู่หรือไม่?

มุมมอง อาจารย์บอม ชนัฐ เกิดประดับ

ในทางรัฐศาสตร์ โซเชียลมีเดียไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่ทำหน้าที่เหมือน “องค์กรทางการเมือง” ที่สามารถกำหนดวาระสาธารณะ (agenda-setting) และสร้างอำนาจในการนิยามความจริง (power to define reality) ได้ทุกวัน

การที่โพสต์หนึ่งถูกดันขึ้น หรืออีกโพสต์ถูกลบหายไป ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคของอัลกอริธึม แต่มันคือการใช้อำนาจสื่อสารที่ส่งผลต่อการเมือง ความเชื่อ และการตัดสินใจของผู้คนทั้งสังคม

แล้วคำถามสำคัญที่เหลืออยู่ก็คือ—
เรายังเลือกความจริงด้วยตัวเองได้จริงหรือ? หรือเราได้ยกสิทธิ์นั้นไปตั้งแต่ยังไม่ทันเลื่อนฟีด?

About Ajbomb

นักหาเรื่อง นักเล่าเรื่อง นักเขียน นักแปล รักการสอน รักเด็ก รักสัตว์ รักธรรมชาติ รักษ์โลก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น