เดนมาร์กโชว์ของ! ใช้ AI ลดต้นทุนรัฐ–เพิ่มประสิทธิภาพ ทำงานเร็วขึ้นเห็นผลจริง
เมื่อก่อนเรามักได้ยินคำสวยหรูว่า “AI จะมาช่วยโลก” แต่ก็มักจบที่แค่คำพูด ทว่าที่เดนมาร์ก วันนี้เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า AI ไม่ใช่แค่ฝัน แต่คือ ของจริง
รัฐบาลเดนมาร์กเริ่มเอา AI เข้าไปช่วยทำงานในหลายหน่วยงาน ผลลัพธ์ออกมาโคตรน่าสนใจ เช่น
• งานเอกสารที่เคยใช้เวลา 5 วัน ตอนนี้ AI จัดการให้เสร็จใน 1–2 วัน
• เจ้าหน้าที่บางฝ่ายลดภาระงานได้ถึง 30% ทำให้มีเวลาไปโฟกัสงานที่ “ใช้สมอง” มากกว่าแค่รูทีน
• ทีมกู้ภัยฉุกเฉินก็ใช้ AI ทำแผนที่ความเสี่ยงน้ำท่วมล่วงหน้า 72 ชั่วโมง ทำให้ตัดสินใจและวางแผนได้แม่นขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นลอย ๆ แต่เพราะรัฐบาลเดนมาร์กลงทุนหนักมาก — ตั้งงบกว่า 800 ล้านโครน สำหรับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI, จัดงบเฉพาะ AI อีก 55 ล้านโครน, มี sandbox กฎหมายให้ทดลองก่อนใช้จริง และตั้งเป้าใหญ่คือฝึกทักษะประชาชน 1 ล้านคน ให้รู้จักใช้ AI ภายในปี 2028
ที่เด็ดคือพวกเขาไม่ได้มอง AI เป็น “เครื่องจักรแทนคน” แต่ทำงานร่วมกับผู้ใช้จริง นักวิจัยยังย้ำว่าโมเดลพยากรณ์ทั้งหลายต้องออกแบบโดยคิดถึงคนหน้างาน ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีอย่างเดียว
แน่นอน ความท้าทายยังมีเพียบ ทั้งเรื่อง ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โครงสร้างพื้นฐาน IT ที่ยังต้องเสริม และการวางแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน ซึ่งถ้าไม่จัดการดี ก็จะกลายเป็นแค่โปรเจกต์แฟนซีแล้วหายไป⸻
#อาจารย์บอมมองโลก ข่าวนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้เปลี่ยนแค่การทำงานภาครัฐ แต่กำลังเปลี่ยน “วิธีสื่อสารทางการเมือง” ด้วย
เพราะเมื่อรัฐใช้ AI ทำงานเร็วขึ้น ประชาชนก็จะเห็น “ผลลัพธ์” แทนที่จะได้ยินแค่คำสัญญา สิ่งนี้ทำให้ ความน่าเชื่อถือทางการเมือง เพิ่มขึ้นแบบจับต้องได้ และยังเปิดประตูสู่ “ประชาธิปไตยแบบข้อมูล” ที่การตัดสินใจของรัฐบาลจะตั้งอยู่บนข้อมูลจริง ไม่ใช่เพียงวาทกรรม
แต่…อีกด้านหนึ่ง ถ้ารัฐบาลไม่จัดการเรื่องความโปร่งใสและความเป็นส่วนตัวให้ดี AI ก็อาจกลายเป็น เครื่องมือควบคุม แทนที่จะเป็น เครื่องมือรับใช้ประชาชน
สุดท้าย นี่คือบทเรียนสำคัญสำหรับทุกประเทศ — รวมถึงไทย — ว่า นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือการสื่อสารกับประชาชนผ่าน “การกระทำที่เห็นผลได้จริง“