โดย อาจารย์บอม ชนัฐ เกิดประดับ
อินเดียกำลังเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดในโลก… แต่สิ่งที่ใหญ่กว่าก็คือ “AI” ที่เข้าไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงร่างทองคนใหม่ไปแแล้ว !
AI วันนี้ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีในแชทบอทหรือกราฟิกอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ ‘พูดแทนผู้สมัคร’ ได้แล้ว แถมยังพูดได้หลายภาษา หลายสำเนียง เข้าถึงหัวใจประชาชนแบบแนบเนียนจนแทบแยกไม่ออกว่า “เสียงนี้จริงหรือสร้างขึ้นมา?”
ลองจินตนาการดูสิ…
อยู่ดี ๆ มีเสียงนักการเมืองชื่อดังโทรตรงมาหาเราเป็นการส่วนตัว แล้วถามว่า “หมู่บ้านของคุณยังมีปัญหาน้ำประปาไม่ไหลอยู่ไหมครับ?” ฟังดูแล้วสุดแสนจะประทับใจใช่ไหมครับ? แต่ความจริงคือ… เขาไม่ได้เป็นคนโทรมา!
เสียงที่เราได้ยิน = เสียงที่ถูกสร้างด้วย AI
ข้อความที่พูด = ทีมรณรงค์หาเสียงได้เขียนให้ AI อ่าน
ผลลัพธ์ = เรารู้สึกว่า นักการเมืองคนนี้ “เขาใส่ใจเรา” เป็นการส่วนตัว
แต่ในความเป็นจริง… มันคือการตลาดการเมืองแบบใหม่ที่ใช้ ‘เทคโนโลยีแทนการสัมผัส’
AI ทำอะไรได้บ้างในการเลือกตั้งอินเดีย?
- โคลนเสียงของผู้สมัคร แล้วนำไปใช้โทรหาประชาชนแบบเจาะกลุ่มเฉพาะ
- แปลและพากย์คำปราศรัยเป็นภาษาท้องถิ่นหลากหลายสำเนียง
- สร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคล (Personalized Messaging) โดยวิเคราะห์จากโซเชียลมีเดีย
- ทำคลิป deepfake ที่ปลอมทั้งภาพ เสียง และคำพูด เพื่อโจมตีคู่แข่งหรือสร้างภาพลักษณ์เกินจริง
ทั้งเร็ว ทั้งตรงใจ และกระจายได้ไว… แต่คำถามที่ตามมา คือ “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือของปลอม อะไรคือของจริง?”
ปัญหาใหญ่ของการเมืองยุค AI: อะไรจริง อะไรปลอม?
- คลิป deepfake ที่เหมือนนักการเมืองพูด ทั้งที่ไม่เคยพูด
- เสียงโทรศัพท์มาหาเรา ที่ถูก AI สร้างโดยทั้งหมด
- ความเชื่อใจ ที่ไม่ได้มาจากตัวตนของผู้พูดจริง ๆ
ที่น่ากังวลคือ… ยังไม่มีกฎหมายควบคุมที่วิ่งทันสิ่งเหล่านี้ ในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศ อินเดียเอง กกต.ยังไม่มีมาตรการชัดเจนในการตรวจสอบหรือจัดการกับเนื้อหาที่สร้างมาจาก AI
บทวิเคราะห์โดย อาจารย์บอม ชนัฐ เกิดประดับ
AI ทำให้เราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการสื่อสารทางการเมือง ที่ทุกข้อความถูกจัดวางใน “เฟรม” (Framing) และถูกออกแบบมาให้ “โดนใจแบบเฉพาะคน” (Hyper-personalized)
ลองวิเคราะห์ผ่าน ทฤษฎี S-O-R (Stimulus – Organism – Response):
- Stimulus: คลิปเสียงปลอม, ภาพจำลอง AI เป็นสิ่งกระตุ้นเร้าความรู้สึก (มีความอินเกิดขึ้น)
- Organism: ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่รับข้อมูลผ่านอารมณ์ ความคาดหวัง และความเชื่อแบบเดิมๆ
- Response: ตัดสินใจเลือกโดยคิดว่าเป็น “คนที่เข้าใจเราหรือเราเป็นคนพิเศษของเขา” ทั้งที่เสียงที่ได้ยินอาจไม่ใช่เขาตัวจริง
นอกจากนี้ Framing Theory ที่ AI ใช้สร้างภาพให้ผู้สมัครดูดีในมุมแบบที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชอบ ทำให้ผู้คนตัดสินใจจาก “ภาพที่ถูกเลือกมาแล้ว” มากกว่าความเป็นจริง
บทสรุปสุดท้าย
AI ไม่ได้แค่เปลี่ยนเครื่องมือหาเสียง แต่มันเปลี่ยน “ธรรมชาติของความไว้วางใจ” และทำให้การเมืองในอนาคตกลายเป็นการแข่งกันว่า “ใครจะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งได้แนบเนียนกว่ากัน”
“เสียงที่ฟังดูจริงใจ… อาจไม่ได้มาจากใจใครหรอก แต่มาจาก Ai ที่รู้จักคุณดีกว่าคนรอบข้างคุณเสียอีก” – อาจารย์บอม
อยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ คลิกดูได้ครับ :
#AIเลือกตั้งอินเดีย #เสียงนี้ใครพูด #อาจารย์บอมชวนคิด #deepfakeการเมือง #FramingTheory #SORMODEL