รีวิวหนัง วิน ดีเซล The Last Witch Hunter เพชฌฆาตล่าแม่มด

รีวิวหนัง | The Last Witch Hunter | เพชฌฆาตแม่มด

หลังจากที่ “วิน ดีเซล” สร้างชื่อใน Fast and Furious ซึ่งเขาสวมบทบาทแบดบอยที่รักครอบครัว แต่บู๊ระห่ำแหลกลาญ เราก็แทบจะไม่เคยเห็นเขาสวมบทบาทอื่นๆ ในการแสดงสักเท่าไหร่นัก พอได้ยินว่า The Last Witch Hunter หรือ เพชฌฆาตแม่มด กำลังเข้าฉายอยู่ โดยมี วิน ดีเซล พลิกบทบาทมาเป็นชายผู้ตามล่าแม่มด ผมนี่ไม่รอช้าเลยครับ รีบเสียตังตีตั๋วเข้าไปชมในทันที

เนื้อเรื่องของหนังย้อนหลังไปเมื่อ 800 ปี ก่อนที่เกิดมหาสงครามระหว่างมนุษย์และเหล่าแม่มด โดย “คาลเดอร์” (รับบทโดย วิน ดีเซล) เป็นมนุษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถปราบราชินีแม่มดลงได้ แต่เขาต้องแลกมาด้วยคำสาปที่ราชินีแม่มดสาปไว้ให้เขามีชีวิตที่เป็นอมตะไม่มีวันตาย จนเวลาล่วงเลยมา 800 ปี คนรัก ครอบครัว หรือคนที่เขารู้จัก ก็ได้แก่เจ็บตายกันไปหมด โดยที่เขายังคงหนุ่มแน่นอยู่เหมือนเดิม (แอบคิดถึงหนังอีกเรื่องเมื่อตอนต้นปีเพราะพล็อตคล้ายๆ กันนั่นคือ The Age of Adaline ) ในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีสุดไฮเทค การอยู่ร่วมกันของมนุษย์และเหล่าแม่มดนั้นเป็นไปอย่างสันติ แต่กลับมีกลุ่มแม่มดแตกแถวที่วางแผนปลุกชีพให้กับราชินีแม่มดเพื่อก่อสงครามกับมนุษย์และครอบครองโลกมนุษย์ไว้ทั้งหมด ทำให้ “คาลเดอร์” ต้องลุกขึ้นมาจับดาบเพื่อปราบราชินีแม่มดอีกครั้ง

The Last Witch Hunter หรือ “เพชฌฆาตแม่มด” เป็นหนังแอ็คชั่นแฟนตาซีที่ถือว่าอลังการงานสร้างอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้ ด้วยเนื้อหาสนุกตื่นเต้น ผจญภัยไปใน 2 ยุค คือยุคปัจจุบันที่เราท่านคุ้นเคยกันดี กับยุคเมื่อ 800 ปีก่อน ผมให้คะแนนความสนุกตื่นเต้นในส่วนนี้ที่ 9/10 สำหรับเรื่องความแฟนตาซีนั้นถือว่าเรื่องนี้สุดๆ ผมให้ 10/10 ส่วนฉากแอคชั่นต่อสู้ก็พอมีพอได้ ผมให้ 8/10 ในส่วนของดารานำให้ที่ 9/10 โดยเฉพาะ “วิน ดีเซล” นั้นแสดงได้ดี จนผมลืมภาพของ “โดมินิค โทเร็ตโต้” ไปชั่วขณะเลยทีเดียว ส่วนแม่มดที่ช่วย “คาลเดอร์” ตามล่าเผ่าพันธุ์ตัวเองนั้น ผมชอบเธอด้วยเหตุผลสั้นๆ คือเธอ “สวย” (555 เกี่ยวไหม?) สรุปคะแนนภาพรวมของ The Last Witch Hunter หรือ “เพชฌฆาตแม่มด” ผมให้ที่ 9/10 ครับ

The Last Witch Hunter “เพชฌฆาตแม่มด” เป็นหนังที่แฟนๆ ของ “วิน ดีเซล” ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง ส่วนใครที่ไม่ได้เป็นแฟนคลับของเขา แค่ท่านไปดูความแฟนตาซีและการผจญภัยไปในสองโลกคือโลกมนุษย์และโลกแม่มด ก็ถือได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่าตั๋วหนังแล้วครับ สรุปหนังเรื่องนี้เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ถือเป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดครับ

(ทีมงาน) อาจารย์บอม